สรุปคำแนะนำ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการบริหารจัดการการเผาในพื้นที่เกษตร สำหรับกรณีที่มีความจำเป็นต้องมีการใช้ไฟ ซึ่งออกโดยศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.)
📋 1. สรุปหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ความเห็นชอบ
| หลักเกณฑ์ | รายละเอียด |
|---|---|
| 1. ชนิดพืชที่อนุญาตให้เผา | พื้นที่นาข้าว, พื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, และพื้นที่ปลูกอ้อยโรงงาน |
| 2. ขนาดพื้นที่ที่อนุญาต | ต้อง ไม่เกิน 30 ไร่ต่อครั้งต่อวัน และต้องย่อยแปลงเผาครั้งละ ไม่เกิน 5 ไร่ |
| 3. ช่วงเวลาที่อนุญาต | ต้องเป็นช่วงกลางวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 16.00 น. |
| 4. การป้องกันการลุกลาม | ต้องทำ แนวกันไฟ รอบพื้นที่ก่อนการเผา และมี ผู้รับผิดชอบควบคุม การเผา |
| 5. เงื่อนไขสภาพอากาศ | อนุญาตให้เผาในวันที่ปริมาณฝุ่น PM2.5 ไม่เกิน 75 ไมโครกรัม/ลบ.ม. (ผ่านแอป Air4Thai) และสภาพอากาศต้องถ่ายเทได้ดี ลมไม่แรง |
| 6. เงื่อนไขพื้นที่โดยรอบ | ต้องมีการ เหลื่อมระยะเวลา การเผากับพื้นที่ข้างเคียง และต้องเป็นพื้นที่ซึ่ง เครื่องจักรกลไม่สามารถเข้าถึงได้ |
| 7. การคำนึงถึงเป้าหมายจังหวัด | ให้คำนึงถึง เป้าหมายการลดการเผา ในเชิงพื้นที่ระดับจังหวัด ควบคู่กับการใช้ข้อมูล จุดความร้อน (Hotspots) จาก GISTDA |
📝 2. ขั้นตอนการขอความเห็นชอบ
-
การลงทะเบียนล่วงหน้า:
เกษตรกรต้อง ขึ้นทะเบียนรายชื่อและจำนวนพื้นที่ ที่มีความจำเป็นในการใช้ไฟล่วงหน้า ในช่วงฤดูฝุ่น (พฤศจิกายน - พฤษภาคม) -
การใช้ระบบมาตรฐาน:
ในปี ๒๕๖๙ ต้องยื่นแบบฟอร์มขอทำการบริหารจัดการการเผาผ่านระบบBurn Checkซึ่งเป็นระบบเดียวกันทั่วประเทศ -
การแจ้งล่วงหน้า:
ต้องยื่นแบบฟอร์มขอทำการบริหารจัดการการเผา ล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน -
ผู้รับผิดชอบการบริหารจัดการ:
ศูนย์อำนวยการฯ ระดับจังหวัด เป็นกลไกหลักในการบริหารจัดการและให้ความเห็นชอบ -
การบันทึกและรายงานผล:
ผู้ขอต้อง บันทึกเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุด การเผาทุกครั้ง และ รายงานผลทันที เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ -
การตรวจสอบ:
จังหวัดต้องกำหนดให้มีการ สุ่มตรวจสอบการเผา ในพื้นที่ที่ได้รับความเห็นชอบ เพื่อควบคุมให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์
ข้อควรระวัง: เกษตรกรที่อยู่ในระบบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หากไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การลงทะเบียนเพื่อขออนุญาต จะต้องถูก ตัดสิทธิ์การให้ความช่วยเหลือ ภายใต้มาตรการของภาครัฐ